468x60 Ads


Bodog888 สวัสดีค่ะเพื่อนๆในบทความนี้เราจะมาพูดเกี่ยวกับนักฟุตบอลให้เพื่อนๆได้ฟังกันนะค่ะ และนักฟุตบอลที่เราจะนำมาพูดให้เพื่อนๆได้ฟังนั่นก็คือ เอแด็น อาซาร์ เพราะเขาคือดาวเตะอัจฉริยะที่เริ่มจะตอบแทนราคา 32 ล้านปอนด์ที่เชลซีซื้อมาเพราะฉะนั้นอย่ามั่วรอช้าเลยเรามาเริ่มที่ประวัติเขาก่อนแล้วกันค่ะ

Bodog888 เอแด็น อาซาร์ เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม 1991 ที่เมืองลาลูเวียร์ ประเทศเบลเยี่ยม อาซาร์ ซึ่งเติบโตในครอบครับที่ทั้งพ่อและแม่ต่างเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งกับทีม โรยัล สตาด ไบรนัวส์ (Royal Stade Brainois) ที่เป็น สโมรในบ้านเกิด ในปี 1998 ก่อนจะฉายแววออกมาจนไปเข้าตาแมวมองของ ลีลล์ ทีมในลีก เอิง จนได้ย้ายไปค้าแข้งในฝรั่งเศสในปี 2005 และหลังจากฟูมฟักฝีเท้าอยู่กับทีมเยาวชนอยู่เพียง 2 ปี ก็สามารถก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จด้วยวัยเพียง 16 ปีเท่านั้น แม้ฤดูกาลแรกในการลงเล่นในลีกสูงสุดแกนน้ำหอม อาซาร์ จะยังไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากนัก ภายใต้การคุมทีมของ โคล้ด ปูแอล โดยลงไปทั้งสิ้น 4 นัดตลอดฤดูกาล แต่นั่นก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะหลังจากนั้นในซีซั่นต่อมา ลีลล์ ได้ทำการเปลี่ยนตัวกุนซือมาเป็น รูดี้ การ์เซีย และภายใต้การคุมทีมของเฮดโค้ชคนใหม่นี้เอง อาซาร์ ก็ได้รับการส่งลงสนามอย่างต่อเนื่องจนสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงภายในทีมได้สำเร็จด้วยวัยเพียง 17 ปีเท่านั้น และเขาก็ตอบแทนความไว้วางด้วยผลงานที่น่าประทับใจ พร้อมกับพาทีมไปเล่นในศึก ยูโรป้า ลีก ได้ในซีซั่นดังกล่าว รวมทั้งยังสร้างชื่อด้วยการคว้าตำแหน่งผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมไปครอง หลังจากนั้นในฤดูกาลต่อมา เขาก็ยังคงพัฒนาฟอร์มการเล่นอย่างต่อเนื่อง โดยลงเล่นไป 37 เกม ทำได้ 5 ประตู กับอีก 8 แอสซิสต์ พาทีมจบอันดับ 4 พลาดโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไปเพียงคะแนนเดียวเท่านั้น พร้อมกับคว้าตำแหน่งผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมไปครองได้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน และยังติดทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลได้เป็นครั้งแรกอีกด้วยในปีถัดมา กราฟชีวิตค้าแข้งของ ปีกชาวเบลเยี่ยม ยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฤดูกาล 2010-11 อาซาร์ ก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงความสามารถอันยอดเยี่ยมอีกครั้ง โดยการทำผลงานระดับสุดยอด ด้วยการเป็นผู้เล่นที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพา ลีลล์ คว้าแชมป์ลีกเอิงไปครองได้สำเร็จ หลังต้องรอคอยมาตั้งแต่ปี 1954 รวมทั้งยังพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยอีกด้วย นอกจากนั้น อาซาร์ ยังคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์วัยเพียง 21 ปีเท่านั้น และแน่นอนว่าจากผลงานดังกล่าวทำให้เขาได้รับความสนใจจากหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป โดยเฉพาะทีมในลีกอังกฤษอย่าง เชลซี , อาร์เซน่อล และ 2 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ที่ต่างต้องการที่จะคว้าตัวดาวเตะรายนี้ไปครอบครองแต่แล้ว เขาก็ยังตัดสินใจค้าแข้งในลีกฝรั่งเศสต่อไป พร้อมกลับเปลี่ยนมาสวมเสื้อหมายเลข 10 ลงเล่นในฤดูกาลถัดมา ที่ อาซาร์ โชว์ฟอร์มการเล่นที่เรียกได้ว่า เข้าขั้นระดับโลก ด้วยการทำไปถึง 20 ประตู กับอีก 16 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 38 นัดในลีก จนถึงขนาดได้รับการขนานนามว่า เป็นฝันร้ายสำหรับกองหลังฝ่ายตรงข้ามเลยทีเดียว และถึงแม้ว่าสุดท้ายหลังจบฤดูกาล ลีลล์ จะพลาดการคว้าแชมป์ไปครองเป็นสมัยที่ 2 อย่างน่าเสียดาย แต่ อาซาร์ ก็ยังคงได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันได้อย่างสมเกียรติโดยหลังจากจบฤดูกาลก็ดูเหมือนว่า จะถึงเวลาแล้วที่ อาซาร์ จะต้องก้าวไปเล่นในฟุตบอลในระดับที่สูงขึ้น และก็เป็นเชลซีที่เบียดแย่งหลายทีมชั้นนำในยุโรปคว้าตัวนักเตะไปครองได้สำเร็จ ด้วยค่าตัวจำนวน 32 ล้านปอนด์ และ อาซาร์ ก็ไม่ทำให้แฟนบอล สิงโตน้ำเงินครามต้องผิดหวังด้วยการ ออกสตาร์ท 3 เกมแรกโดนการมีส่วนร่วมกับการทำประตูในทุกเกม ทั้งการทำทางให้เพื่อนำประตู รวมทั้งทำประตูแรกให้กับทีม สิงห์บลูส์ด้วยลูกจุดโทษในเกมชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-0 หลังจากนั้น แม้ทีมจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือจาก โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ มาเป็น ราฟาเอล เบนิเตซ แต่ อาซาร์ ก็ยังคงได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวหลักของทีมอยู่เสมอ ส่งผลให้หลังจบฤดูกาล เขาทำผลงานในฤดกาลแรกบนแผ่นดินอังกฤษ ด้วยการทำไป 17 ประตู กับอีก 11 แอสซิสต์ จากการลงเล่นทุกรายการ พร้อมกับมีส่วนช่วยให้ทีม คว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีกไปครองได้อีกด้วย มาถึงฤดูกาลปัจจุบัน เชลซี ภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ อาซาร์ ถือเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีม หลังถูกส่งลงสนามทุกเกมในลีกซีซั่นนี้ พร้อมกับก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นที่ทีมฝากความหวังเอาไว้ หลังมักจะทำประตูสำคัญในหลายต่อหลายเกมทั้งในเกมบุกชนะ ซันเดอร์แลนด์ 4-3 ที่เขาทำคนเดียว 2 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ ถึงขนาดที่ กุสตาโว่ โปเยต์ กุนซือทีมแมวดำ นั้นออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เขาไม่รู้จะหาวิธีไหนมาประกบ อาซาร์ แล้ว เพราะไม่ว่าจะนำวิธีไหนมาใช้ก็ไม่สามารถหยุดดาวเตะชาวเบลเยี่ยมรายนี้ได้ รวมทั้งในเกมกับ ลิเวอร์พูล ที่เขาเป็นผู้ทำประตูไล่ตีเสมอก่อนที่ทีมจะพลิกกลับมาชนะได้ 2-1 และยังเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมในขนาดนี้อีกด้วยหลังทำไปแล้ว 12 ประตูในขณะนี้ มากกว่า 3 กองหน้าภายในทีมอย่าง ตอร์เรส , เอโต้ และบา ยิงรวมกันเสียอีก ซึ่งสิ่งเหล่านี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงพัฒนาการของ นักเตะวัย 23 ปีรายนี้ ที่กำลังไต่ระดับพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ มูรินโญ่ ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ อาซาร์ จะก้าวไปเป็นนักเตะที่ดีที่สุของโลกได้อย่างแน่นอน ซึ่งเราก็ต้องติดตามกันต่อไปครับว่า พ่อมดแห่งวงการลูกหนังเบลเยี่ยมอย่าง เอแด็น อาซาร์ จะยังคงรักษาฟอร์มการเล่นยอดเยี่ยมได้อย่างต่อเนื่อง จนก้าวไปเป็นผู้เล่นหมายเลข 1ของโลกอย่างที่ “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” นั้นได้กล่าวเอาไว้หรือไม่


เราหวังเป็นอย่างยิ่งนะค่ะว่าสิ่งที่เราได้นำมาแชร์ให้เพื่อนๆได้ฟังหรือได้อ่านจะเป็นประโยชน์ในการเล่นแทงบอลแพราะก่อนการเล่นทุกครั้งนักพนันทุกคนก้จะต้องศึกษาข้อมูลของแต่ละทีมหรือนักเตะแต่ละคนและโอกาสที่เราได้ก็จะต้องมีมากกว่าเสียรับรองได้เลยว่าเมื่อเพื่อนได้เข้ามาสัมผัสกับความสนุกกับเราเพื่อนๆจะไม่เปลี่ยนไปเล่นเว็ปอื่นอย่างแน่นอนที่ Bodog888

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น